TWPC โชว์แกร่ง ยอดขายQ1 ส่งออกโตโดดเด่น 13%ปูพรมขยายฐานการผลิตตปท.- เพิ่มช่องทางจัดจำหน่ายปักหมุดปี66 โต  Double Digit Growth

TWPC โชว์แกร่ง ยอดขายQ1 ส่งออกโตโดดเด่น 13%ปูพรมขยายฐานการผลิตตปท.- เพิ่มช่องทางจัดจำหน่ายปักหมุดปี66 โต  Double Digit Growth

บริษัท ไทยวา จำกัด (มหาชน) หรือ TWPC ประกาศผลงานไตรมาส1/2566 เติบโตอย่างแข็งแกร่งทุกช่องทางการขายที่สำคัญ โชว์ธุรกิจอาหารมียอดขายดีที่สุดคิดเป็น 528 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 10 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แบ่งเป็นยอดขายในประเทศร้อยละ 87 และส่งออกต่างประเทศร้อยละ13  บอสใหญ่ “โฮ เรน ฮวา” เดินหน้าปูพรมขยายฐานการผลิตออกสู่ต่างประเทศ เพิ่มช่องทางจัดจำหน่ายและออกผลิตภัณฑ์ใหม่ เพื่อเพิ่มศักยภาพการเติบโตของธุรกิจในระยะยาว   มั่นใจหนุนผลงานปี2566และระยะยาวเติบโต  Double digit growth

นาย โฮ เรน ฮวา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยวา จำกัด (มหาชน) หรือ TWPC  ผู้นำแพลตฟอร์มผลิตผลทางการเกษตรและผู้ผลิตมันสำปะหลังรายใหญ่ที่สุดของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เปิดเผยว่าบริษัทฯ ยังคงสามารถรักษาความเป็นหนึ่งในผู้นำตลาดผลิตภัณฑ์วุ้นเส้น และผลิตภัณฑ์ก๋วยเตี๋ยวในประเทศไทย ซึ่งสามารถเติบโตอย่างแข็งแกร่งในทุกช่องทางการขายที่สำคัญ เห็นได้จากผลการดำเนินงานของธุรกิจอาหารของบริษัทฯ และบริษัทย่อย สามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่องในไตรมาส 1/2566 โดยยอดขายรวมจากธุรกิจอาหารมีจำนวนเท่ากับ 528 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 10 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีสัดส่วนยอดขายในประเทศคิดเป็นร้อยละ 87 ในขณะที่ยอดขายจากการส่งออกไปขายในต่างประเทศคิดเป็นร้อยละ 13 ของยอดขายจากธุรกิจอาหารทั้งหมด

โดยยอดขายของบริษัทฯ และบริษัทย่อย ประกอบด้วยรายได้จากธุรกิจแป้งมันสำปะหลัง (Native) จำนวน 1,208 ล้านบาท หรือร้อยละ 48 รายได้จากธุรกิจแป้งมันสำปะหลังมูลค่าเพิ่ม (HVA) จำนวน 781 ล้านบาท หรือร้อยละ 31  รวมเป็นยอดขายทั้งหมด 2,517 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 52 ล้านบาท หรือร้อยละ 2 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา     ส่วนกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นมีจำนวนเท่ากับ 85 ล้านบาท

ทั้งนี้ยอดขายผลิตภัณฑ์อาหารเพิ่มขึ้นในช่องทางหลัก โดยเฉพาะร้านค้าขายปลกสมัยใหม่ (Modern Trade) การขายส่ง (Wholesale) และหน่วยรถเงินสด ซึ่งเป็นผลมาจากการเพิ่มความหลากหลายของประเภทสินค้า การพัฒนาสินค้ารูปแบบใหม่ที่ดีต่อสุขภาพ สุขอนามัย และมีความสะดวกสบาย โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป (Ready-to-eat) ได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคเป็นอย่างดี  ปัจจัยสำคัญเหล่านี้เป็นปัจจัยหลักในการผลักดันการเติบโตของยอดขายของกลุ่มธุรกิจอาหาร  ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์หลักของบริษัทฯ ในการสร้างสรรค์นวัตกรรม เพื่อส่งมอบอาหารที่ดีต่อสุขภาพให้แก่ผู้บริโภค

ส่วนธุรกิจอาหาร ยังคงเติบโตจากการขยายช่องทางการขายและการเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ ซึ่งบริษัทฯจะบริหารต้นทุนโดยการใช้เทคโนโลยีในการปรับปรุงประสิทธิภาพในการผลิต เพื่อช่วยลดผลกระทบจากราคาวัตถุดิบ ค่าแรงงาน และค่าพลังงานที่ปรับตัวสูงขึ้น โดยบริษัทฯ วางแผนจะออกผลิตภัณฑ์ใหม่ 5-8 SKU ในปีนี้ ซึ่งการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ จะเป็นส่วนสำคัญในการเติบโต  Double digit growth ในปีนี้และระยะยาว

สำหรับโรงงานผลิตแป้งมันสำปะหลัง ที่ประเทศกัมพูชาอยู่ระหว่างก่อสร้าง และคาดว่าจะเริ่มดำเนินการในการผลิตในช่วงไตรมาส 4/2566 ซึ่งโรงงานที่กัมพูชานี้จะเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ในการสร้างการเติบโตนอกประเทศไทย

“ในปี 2566 บริษัทฯ คาดว่าจะสามารถรักษาอัตราการเติบโตของยอดขายของบริษัทฯ ได้อย่างต่อเนื่องจากความต้องการของผลิตภัณฑ์หลักที่เพิ่มขึ้น การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง  การขยายฐานลูกค้าใหม่  ซึ่งบริษัทฯ คาดการณ์ว่าจะยังสามารถรักษาระดับการเติบโตที่ High Single Digit แม้อัตรากำไรขั้นต้นจะลดลง เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา สาเหตุหลักจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาต้นทุนวัตถุดิบโดยบริษัทฯ ยังคงให้ความสำคัญกับการบริหารต้นทุนอย่างมประสิทธิภาพ การลดการใช้พลังงานและการลงทุนในพลังงานทางเลือก โดยจะส่งผลในการลดต้นทุนการผลิตต่อหน่วยในระยะยาว”นาย โฮ เรนฮวากล่าวในที่สุด

นาย โฮ เรน ฮวากล่าวต่อว่าจากสถานการณ์ หัวมันสำปะหลังในปัจจุบันที่คาดว่าหัวมันสำปะหลังอาจจะขาดแคลนในช่วงนอกฤดูกาล  ราคาหัวมันสำปะหลัง ณ ปัจจุบันอยู่ในช่วง 3.6-3.8 บาทต่อกิโลกรัม (เชื้อแป้ง 25%) ในขณะที่ราคาแป้งปรบตัวสูงขึ้นตามราคาหัวมันที่สูงขคึ้น อยู่ในช่วง 540-560 USD/Ton.ความต้องการแป้ง  ซึ่งคาดว่าราคาขายจะปรับตัวสูงขึ้น สำหรับการจัดหัวมันสำปะหลัง บริษัทฯได้จัดทีมฝ่ายไร่และการจัดหาหัวมันสำปะหลัง เพื่อจัดหาหัวมันจากเกษตรกรเครือข่ายและจากหัวมันทางไกล เพื่อให้เพียงพอแก่ความต้องการตามแผนการผลิต

นอกจากนี้บริษัทฯ ยังคงมุ่งเน้นและจัดสัดส่วนการขายไปที่ผลิตภัณฑ์แป้งมันสำปะหลังมูลค่าเพิ่ม ทำให้ยอดขายของธุรกิจแป้งมันสำปะหลังมุลค่าเพิ่ม (HVA) เพิ่มขึ้นร้อยละ 18 เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยส่วนใหญ่เป็นการเพิ่มขึ้นจากยอดขายผลิตภัณฑ์กลูโคสและแป้งมันสำปะหลังดัดแปร

ข่าวเกี่ยวข้อง